ด้วยกระบวนการพิเศษ Soidao Process
หลังจากเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟคุณภาพ สายพันธ์อาราบิก้า (Arabica) จากไร่กาแฟออร์แกนิค ที่ปราศจากการใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง และปุ๋ยเคมี (การปลูกกาแฟโดยใช้ปุ๋ยเคมีจะทำให้เกิดรสเปรี้ยวในเมล็ดกาแฟ) ซึ่งการค้นคว้าวิจัยของเราได้พบว่า การใช้น้ำหมักจากเนื้อผลกาแฟ (Cascara) สดนั้น ทำให้ต้นกาแฟมีความสมบูรณ์ ให้ผลผลิตดี รวมทั้งให้รสชาติของกาแฟที่ดีมาก
เมื่อเก็บเมล็ดกาแฟได้แล้ว จะนำมาทำการคัดแยก เลือกเฉพาะเมล็ดกาแฟสุกจัดเต็มที่ มีสีแดงสด (เชอรี่) ทำความสะอาด และเข้าสู่กระบวนการหมักด้วยจุลินทรีย์โปรไบโอติคส์กลุ่ม Lactobacillus และ Saccharomyces ที่คัดแยกจากกล้วยน้ำว้าไทย ทำการหมักในห้องปฏิบัติการที่ควบคุมสภาวะ อุณหภูมิ ออกซิเจน และความดันอากาศ ในระบบกึ่งเปียกกึ่งแห้ง (Partially Wet Process) ที่เรียกว่า Soidao Process
ผสมกับสารอาหารธรรมชาติที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงเชื้อและกระตุ้นการสร้างเอนไซม์จากจุลินทรีย เช่น น้ำผึ้ง, นมสด, ผลไม้ และพืชสมุนไพรชนิดต่าง ๆ เพื่อให้ได้กลิ่น รสของกาแฟที่หอม อวล เหนือกว่ากาแฟทั่วไป
เมื่อกระบวนการหมักเสร็จสิ้น เมล็ดกาแฟ จะถูกนำมาตากแห้งในเรือนอบแห้งด้วยแสงแดด แบบพาราโบล่า เพื่อให้เมล็ดโกกาแฟแห้งอย่างรวดเร็ว
เมื่อทำการอบแห้งดีแล้ว เนื่องจากภายในเมล็ดกาแฟที่ผ่านกระบวนการหมักบ่ม จะยังคงมีปฏิกิริยาของเอนไซม์หลงเหลือ ก็จะนำมาอบบ่มด้วยกระบวนการพิเศษเฉพาะกว่า 8 เดือน เพื่อกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ ที่ค่อย ๆ กระจายโครงสร้างของกรดไขมัน คาร์โบไฮเดรท โปรตีน และสารระเหยง่าย (Volatile Substances) ในเมล็ดกาแฟ ทำให้ได้เมล็ดกาแฟที่มีกลิ่นหอมหวลเป็นพิเศษ รสชาดขมน้อย นุ่มละมุน หวานในคอ ที่คล้ายปนด้วยกลิ่นของดินหญ้าและดอกไม้ ของกาแฟคุณภาพชั้นเลิศ ที่คุณอาจไม่เคยได้สัมผัสจากกาแฟทั่วไป (หลายคนมักนำไปเทียบว่าคล้ายกับกาแฟชะมด ซึ่งมีราคาสูง) ในขณะที่คุณค่าของกาแฟและสารสำคัญต่าง ๆ ในกาแฟจะสูงขึ้นและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น เนื่องจากสารสำคัญและสารอาหารต่าง ๆ จะถูกทำให้เพิ่มปริมาณสูงขึ้น (Boosts) มีสายโมเลกุลสั้นลง ร่างกายดูดซึมได้ง่าย
เราได้พบว่าด้วยกระบวนการ Soidao Process จะทำให้เมล็ดกาแฟที่ผ่านกระบวนการนี้มีค่าต้านอนุมูลอิสระสูงขึ้นถึง 70 เท่า เมื่อเทียบกับเมล็ดกาแฟทั่วไป
Le soidao
New superfood with highest orac score
การวัดค่าความสามารถในการติานอนุมูลอิสระ ของอาหารชนิดต่างๆ นั้น เรามักใช้วิธีการวัดที่เรียกว่า ORAC Score หรือ ค่า โอแรค ซึ่งย่อมาจาก Oxygen Radical Absorbance Capacity เป็นคะแนนที่ได้จากการทดลองหาค่าความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของอาหารจาก ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์
เราได้พบว่าด้วยกระบวนการ Soidao Process จะทำให้เมล็ดกาแฟที่ผ่านกระบวนการนี้มีค่าต้านอนุมูลอิสระสูงขึ้นถึง 70 เท่า เมื่อเทียบกับเมล็ดกาแฟทั่วไป คือมีค่า ORAC 193,999 umolesTE เมื่อเทียบกับกาแฟอาราบิก้าคั่วบดทั่วไป ที่มีค่า ORAC 2,780 umolesTE
อันตรายจากอนุมูลอิสระ
หากสารอนุมูลอิสระนี้มีความเข้มข้นสูงขึ้น จนเกิดสิ่งที่เรียกว่า oxidative stress ก็จะเป็นอันตรายต่อร่างกายและสร้างความเสียหายต่อส่วนประกอบของเซลล์ ดีเอ็นเอ โปรตีน รวมถึงเยื่อหุ้มเซลล์ โดยอาจพัฒนาให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา เช่น มะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน เบาหวาน ต้อกระจก และจอประสาทตาเสื่อม
และส่งผลในด้านความชราของร่างกายและผิวพรรณ รวมถึงโรคของความเสื่อมของ
อวัยวะในร่างกาย
ซึ่งเมื่อเทียบการทานกาแฟ Le Soidao กับการทานผักผลไม้ ที่ให้สารต้านอนุมูลอิสระสูง ๆ นั้น พบว่าสารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟ Le Soidao มีสูงกว่ามาก ในระดับของการเป็น Super Foods
ซึ่ง Soidao Process™ นั้นได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างจากกระบวนการผลิตเมล็ดกาแฟแบบอบแห้งทั่วไป
- เมล็ดกาแฟที่ได้ มีค่าความเป็นกรดมากขึ้น (pH 5-6.5)
- เกิดการกระจายตัวของสารระเหยง่าย Volatile substances ในเมล็ดกาแฟ ทำให้กาแฟมีกลิ่นหอมฟุ้งอบอวลมากขึ้น คล้ายกลิ่นของดงดอกไม้และป่าฝน
- เกิดการกระจายตัวของโปรตีน คาร์โบไฮเดรท วิตามิน แร่ธาตุชนิดต่าง ๆ ในกาแฟ ทำให้ได้รสชาติที่ขมน้อย นุ่ม ละมุน หวานในคอ และที่สำคัญคือเกิดการปลดปล่อยสารโภชนาการเหล่านี้มากขึ้น รวมถึงการเพิ่มปริมาณของสารสำคัญชนิดต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ, วิตามินบี 12 , เซเลเนี่ยม เป็นต้น ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารจากกาแฟมากขึ้น
- ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ในกาแฟได้ดีขึ้นและง่ายขึ้น
- ทำให้เกิดการสลายตัวของ Phytic Acid (Inositol Hexaphosphate) ซึ่งเป็นสารต้านโภชนาการที่จับแร่ธาตุออกจากร่างกายถึง 6 เท่า และทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารนี้นำไปใช้ได้ในรูปของ Inositol และ Phosphorus
- ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ สูงกว่ากาแฟทั่วไป 70 เท่า